พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่7 โปรดปรานแปรพระราชฐานไปประทับที่หัวหินปีหนึ่งหลายครั้งและครั้งละ นานๆเมื่อพระราชวังไกลกังวลยังไม่ได้สร้างโดยเสด็จไป ประทับแรม ณ พระตำหนัก"แสนสำราญ" ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรวรฤทธิ์ ซึ่งอยู่ถัดไปจากโฮ;เต็ลหัวหินของกรมรถไฟ ณ พระตำหนักนั้นมีบริเวณกว้างขวางใหญ่โตมาก ส่วนข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็พักผ่อนกันตามบังกาโลเล็กๆในที่สุดก็ตกลงพระราชหฤทัยจับจองที่ดิน ณ ตำบลบ่อฝ้าย มีเนื้อที่หลายสิบไร่และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ม.จ.อิทธิเทพสรรกฤดากร(พระโอรสในกรมพระนเรศวรฯ)เป็นนายช่างใหญ่ควบคุมการก่อสร้างพระที่นั่งและ ตำหนักใหญ่น้อย ม.จ.อิทธิเทพฯรับสนองพระบรมราชองค์การไปตามพระราชประสงค์ โดยทรงเริ่มต้นด้วยการล้อมรั้ว
และแผ้วถางหญ้าและโค่นต้นไม้ถมปรับพื้นที่จนเรียบร้อยแล้วก็ทรงวางแผนผังพระราชวังอย่างงดงามตรงทางเข้ามีป้ายติดประกาศ "Private Property, Get Out" แปลว่า"ที่ส่วนตัว ออกไปให้พ้น"ในระหว่างที่กำลังก่อสร้างพระราชวังนั้น พระเจ้าพี่ยาเธอกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงคมนาคม ได้เสด็จไปตรวจราชการที่หัวหิน พอทรงทราบว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังใหม่ก็ทรงรู้สึกสนพระทัย จึงเสด็จไป ทอดพระเนตรและได้ทรงถือวิสาสะเสด็จเข้าไปในเขตรั้วเพื่อทอดพระเนตรรอบ ๆ บริเวณนั้น วันนั้นบังเอิญท่านผู้ควบคุมการก่อสร้างกำลังตรวจงานอยู่เห็นกรมพระกำแพงเพชรฯเสด็จเข้ามาภายในรั้วเช่นนั้นจึงบังเกิดโทสะรีบเดินมาเฝ้าแล้วยกมือชี้ไปที่ป้าย "ที่ส่วนตัว ออกไปให้พ้น" กรมพระกำแพงเพชรฯ ทอดพระเนตรป้ายแล้วรีบ สั่งถามว่า "แม้แต่ฉันก็เข้าไปไม่ได้หรือ" ท่านผู้ควบคุมการก่อสร้างทูลตอบว่า "ใคร ๆ ก็เข้าไม่ได้ทั้งสิ้น" ด้วยสำเนียงอันห้วนและเฉียบขาด อย่างเฮี้ยว ๆ อยู่สักหน่อย กรมพระกำแพงเพชรฯ ก็ต้องจำพระทัยออกจากบริเวณนั้นโดยดุษนียภาพ
อย่างไรก็ดีพระราชวังก็ได้สร้างเสร็จ จะด้วยการวางแบบแปลนอย่างเหมาะสมและมีความสง่างามสมเป็นพระราชวังด้วยประการทั้งปวงเริ่มต้นด้วยมีกำแพงแก้วล้อมรอบ มีประตูใหญ่ทางด้านถนนไปมฤคทายวันและชะอำมีที่สำหรับทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์พักผ่อนและเฝ้ายาม มีถนนยาวเหยียดเข้าไปถึงพระที่นั่ง "เปี่ยมสุข"ซึ่งเป็นที่ ประทับของรัชกาลที่ 7และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีมีลักษณะเป็นตึกแบบสแปนิชกลาย ๆ สูงสองชั้นพร้อมทั้งหอสูงสำหรับเด็จพระราชดำเนินขึ้นไปประทับเล่น และทอดพระเนตรไปได้รอบ ๆ ด้านห้องทางขวามือเป็นห้องบรรทมของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี มีเฉลียงเล็ก ๆ สองด้านถัดไปเป็นห้องสรงซึ่งทำอย่างวิจิตร พิศดารมีถังสรงน้ำอย่างสวยงามตามพระบัญชรมีตัวอักษรย่อ "ร.พ." ติดอยู่ในกลุ่มเมฆขาวทุกแห่ง
ต่อจากห้องสรงก็ถึงเฉลียงเดินติดต่อไปถึงห้องบรรทมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางด้านตะวันออก มีเฉลียงออกไปชมวิวอันสวยสดงดงามอย่างสุดลูกหูลูกตา ต่อจากนั้นก็ถึงห้องสรงน้ำอีกห้องหนึ่งและมีทางสำหรับลงบันไดมายังเบื้องล่าง เลี้ยวซ้ายมือไปเป็นห้องพระกระยาหารต่อจากนั้นก็เป็นห้องประทับเล่นมีพระบัญชาอยู่ รอบด้านตรงกลางห้องตั้งโต๊ะเก้าอี้พอสมควรและตามข้างผนังห้องอีกสี่ด้าน มีเก้าอี้ยาวคลุมด้วยถุงขาวถัดจากห้องประทับเล่นเป็นเฉลียงหินขาวอันกว้างใหญ่มีบันไดลง ไปสู่สวนภายนอกที่กลางสนามใหญ่มีนาฬิกาแดด แบบโบราณติดตั้งอยู่และมีทางเดินไปถึงเขื่อนยาวทางด้านทะเลถัดไปทางขวามือ มีพระตำหนักอีกหลังหนึ่งเรียกว่า "ตำหนักน้อย"ณตำหนักนี้สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯและพระองค์เจ้าหญิงอาภรพรรณีพระบิดามารดาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โปรดเสด็จไปประทับพักผ่อน ในเมื่อตามเสดด็จไปหัวหินด้วยตำหนักน้อยกระทัดรัดอันน่าเอ็นดูชั้นล่างด้านหน้าเป็นห้องประทับเล่น เก้าอี้ยาว เก้าอี้เดี่ยวและตู้โต๊ะพอสมควร ถัดเข้าไปก็ถึงห้องเสวย และมีเฉลียงเล็กๆทางด้านข้างมีแพนทรีสำหรับพักของมีบันไดขึ้นไปถึง ชั้นบนห้องบรรทมอยู่ทางด้านตะวันออกมีเฉลียงแบบ Balcony ยื่นไปข้างหน้าเล็กน้อย แล้วถึง ห้องสรงถัดออกไปอีกห้องหนึ่งเป็นห้อง บรรทมขนาดเล็กแต่ห้องนี้ได้หลังคาลาดแบบตะวันตกทำให้ร้อนอบอ้าวมกกว่าห้องที่มีหลังคาสูงห้องนี้หันไปทางพระที่นั่งเปี่ยมสุข มีสวนโรมันจำลองอยู่พื้นล่างและมีทางเดินไปสู่พระที่นั่งหลังใหญ่ในระยะไม่สู้ไกลกันนัก
ทางด้านซ้ายของพระที่นั่งเปี่ยมสุข มีทองพระโรงอันกว้างใหญ่ เรียกว่า "ศาลาเริง" สำหรับประทับเล่นและใช้เป็นที่ฉายภาพยนตร์ ในเวลากลางคืน พื้นขัดมันอย่างงดงาม เบื้องบนมีเฉลียงเล็ก ๆซึ่งเดินไปได้รอบ ๆ ถ้ามีการเสดงละครกิตติมศักดิ์ ก็ตั้งเวทีทางด้านสุดและตั้งเก้าอี้สองแถวสำหรับผู้ดูศาลาเริงนี้โปร่งมีประตูรอบทุกด้านคล้าย ท้องพระโรงที่วังพญาไท ซึ่งเป็นโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าในปัจจุบัน นี้ ถัดจากศาลาเริง เยื้องไปทางเบื้องหลังก็ถึงตำหนัก "ปลุกเกษม" เป็นตำหนักโปร่ง ๆ แบบไทยปนสมัยใหม่ (ไทยโมเดิ้รน) มีห้องนอนหลายห้องด้านหลัง ตั้งโต๊ะและเก้าอี้หมู่ และใกล้ ๆ กันนั้นมีห้องน้ำและห้องส้วมชั้นล่างมีห้องอีกหลายห้องเหมือนกัน สำหรับหม่อมเจ้าหญิงที่เป็นโสด ซึ่งใกล้ชิดในราชสำนักโดยเสด็จ พระราชดำเนินไปตากอากาศด้วย ต่อจากนั้นในระยะไม่ห่างไกลเท่าใดนักก็ถึงตำหนักเล็ก ๆ ชั้นเดียวคู่ฝาแฝด การก่อสร้างและการวางห้องเครื่องใช้ คล้ายคลึงกัน หลังที่เรียก "เอิบเปรม" หลังที่ 2 เรียก "เอมปรีด์" ตำหนักฝาแฝดนี้เตี้ยเกือบติดพื้นดินซึ่งสร้างเป็นแบบบังกาโลสำหรับตากอากาศชายทะเลอย่างแท้จริง อยู่ได้อย่างสบายสำหรับผู้ที่ไม่ชอบ บันไดสูง
เดินต่อจากตำหนักคู่แฝดในระยะไกลสักหน่อย จึงถึงศาลพระภูมิ ซึ่งทำเป็นวงกลมประดับด้วยหินสมัยใหม่ แล้วก็ถึงตำหนักยี่สิบห้าตำหนักนี้ไม่มีชื่อ ไพเราะเหมือนกับตำหนักอื่น ๆ ตำหนักนี้เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ ต่อจากตำหนักยี่สิบห้า แล้วก็ถึง"Log Cabin" ขนาดเล็ก ทำแบบกระท่อมในเมืองฝรั่ง ณ ตำหนักนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 7 หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรโปรดประทับอยู่กับครอบครัว ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ ในฐานะราชองครักษ์เวรประจำ พระองค์รัชกาลที่ 7ได้ประทับแทนเพราะโปรดปรานบ้านหลังเล็กนี้มากกว่าการประทับตำหนักโก้ ๆ เช่นผู้อื่น
ทางด้านในมีห้องเครื่อง(ครัว)ใหญ่โตมีทั้งแผนกเครื่องไทยและพระกระยาหารต่างประเทศ เมื่อเครื่องเสวยทำเสร็จและจัดลงในจานชามเรียบร้อยแล้วหัว หน้าคนครัวแม่ครัวช่วยกันเเจัดเรียงรายลงในถาดเงินแล้วห่อหุ้มด้วยผ้าขาวผูกโบว์ตีครั่งประทับตรามีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังซึ่งแต่งตัวแบบข้าราชการสำนักคือนุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงินใส่เสื้อนอกคอตั้งแบกไปยังพระที่นั่ง"เปี่ยมสุข"ผู้ใดจะทำลายตราครั่งไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลาเสวยและหัวหน้าแผนกรับใช้ประจำโต๊ะเป็นผู้แกะครั่งด้วยตนเอง ต่อจากห้องเครื่องก็ถึงโรงรถและที่พักของพวกมหาดเล็กสำนักพระราชวังทางด้านประตูหลังมีบ้านผู้ดูแลสถานที่ทั่วไปสมัยก่อนมียศถึงเจ้าคุณในบริเวณ พระราชวังมีสระขนาดใหญ่ เพราะตอนสร้างพระราชวังได้ขุดเอาดินไปถมที่ให้สูงส่วนน้ำสำหรับใช้ ในสมัยก่อนต้องใช้รถยนต์ขนมาจากเพชรบุรี เมื่อการก่อสร้างพระราชวังเสร็จเรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ประทับแรมครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2473 และได้มีการสมโภชขึ้นพระราชวังด้วย
ต่อมาใน พ.ศ.2475 ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองซึ่งขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯและสมเด็จพระราชินี กำลังประทับอยู่ที่วังไกลกังวลอีก แต่แล้ว ก็มีเรื่องยุ่ง ๆ ตลอดมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงมีพระราชดำรัสว่า "ตั้งชื่อไกลกังวล อาจจะผิดไปเสียแล้ว ที่จริงดูเหมือนจะใกล้กังวลมากกว่า" "ไกลกังวล" ในสมัยพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภาทรงดำรงตำแหน่งประธานผู้สำเร็จราชการมีสภาพคล้ายคลึงกับสมัยพระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าฯ ทรงใช้เป็นพระราชฐานส่วนพระองค์ เพราะว่า พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯประทับบนพระที่นั่งเปี่ยมสุขใช้ห้องพระบรรทมเป็นห้องบรรทมของพระองค์ท่านและ ห้องประทับของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เป็นห้องบรรทมของหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ส่วนข้ารับใช้ก็อยู่ตามตำแหน่งอื่น ๆ ตามตำแหน่งและฐานะ
วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ได้ชมเว็บไซต์ ร.ร.โรตารี่กรุงเทพ หัวหิน สวยงาม ชัดเจน เนื้อหาน่าสนใจ
ตอบลบเพิ่มข้อมูลท้องถิ่น สำหรับผู้ที่ต้องการ ข้อมูลเกี่ยวกับ หัวหิน จะดีมากๆครับครู
เรียนเข็มค้นไหมคับ
ตอบลบเด็กหญิง สุนันฑา เรื่องเทศ
ลบชอบเรียนที่นี้ครูสอนดี
เด็กป2. เป็นเด็ก หัวช้าหน่อย ไปโรงเรียน งานไม่เคยทันเสร็จส่ง ครูก้ไม่เคี่ยว มาบ้านแม่เคี่ยวทำการบ้านทุกวัน ไปโรงเรียน ลืมส่ง ครูก็ไม่สน จะว่า ก็เด็กไม่ได้เรื่องเองโทษครูไม่ได้ ก็ได้นะคะ แต่คิดอีกมุม ครูมีประโยชน์อะไรหละแบบนี้ เด็กคนไหนฉลาด มันก็ฉลาดนะคะ บางคนมันก็ต้องฉุด ต้องลากค่ะ ถึงจะได้ดี รู้สึกได้เลยว่า ลูกใครลูกมัน ใช่มั้ยคะ ครู
ตอบลบ